บัตรเครดิต กับ บัตรกดเงินสด ต่างกันยังไง? เลือกใบไหนที่ใช่สำหรับคุณ

สารบัญ

ในยามที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดมักเป็นสองทางเลือกแรกที่หลายคนนึกถึง ด้วยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านการใช้งาน อัตราดอกเบี้ย และสิทธิประโยชน์ การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบัตรเครดิต กับ บัตรกดเงินสด จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณมากที่สุด

บัตรเครดิต คืออะไร?

บัตรเครดิต (Credit Card) คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สถาบันการเงินหรือธนาคารออกให้แก่ผู้ถือบัตร เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสด ณ ร้านค้าที่รับบัตร โดยธนาคารจะชำระเงินให้แก่ร้านค้าไปก่อน แล้วจึงเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรในภายหลังตามรอบบิลที่กำหนดไว้ พูดง่ายๆ คือ “ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง” โดยมีวงเงินอนุมัติ (Credit Limit) เป็นตัวกำหนดเพดานการใช้จ่ายสูงสุด

จุดเด่นของบัตรเครดิต

  • ความสะดวกสบาย: ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ทั้งการซื้อสินค้าหน้าร้านและช่องทางออนไลน์
  • ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (Grace Period): หากชำระคืนเต็มจำนวนภายในวันที่กำหนด จะไม่ถูกคิดดอกเบี้ยเลย (โดยทั่วไปประมาณ 45-55 วัน)
  • สิทธิประโยชน์และโปรโมชั่น: มักมาพร้อมคะแนนสะสม เครดิตเงินคืน ส่วนลดร้านค้า สิทธิ์ในการผ่อนชำระสินค้า 0% หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น การเข้าใช้บริการเลานจ์สนามบิน และประกันการเดินทาง
  • ใช้จ่ายได้ทั่วโลก: บัตรเครดิตจากเครือข่ายสากล เช่น Visa, Mastercard สามารถนำไปใช้จ่ายในต่างประเทศได้
  • สร้างประวัติทางการเงิน: การใช้งานอย่างมีวินัยและชำระตรงเวลาช่วยสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีได้

บัตรกดเงินสด คืออะไร?

บัตรกดเงินสด (Cash Card) คือ สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่งที่มาในรูปแบบของบัตรพลาสติก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เบิกถอนเงินสดฉุกเฉินจากตู้ ATM ได้ทันทีตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติ บัตรประเภทนี้เปรียบเสมือนมีวงเงินสำรองพร้อมใช้ตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสดอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือใช้ในเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

จุดเด่นของบัตรกดเงินสด

  • เบิกถอนเงินสดได้ทันที: เป็นแหล่งเงินด่วนที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วผ่านตู้ ATM ทุกที่ทุกเวลา
  • สมัครไม่ยุ่งยาก: โดยทั่วไปขั้นตอนการสมัครและเอกสารที่ใช้ไม่ซับซ้อนเท่าบัตรเครดิต และอนุมัติได้รวดเร็วกว่า
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมหากไม่ใช้งาน: หากไม่ได้เบิกถอนเงินสดออกมาใช้ ก็จะไม่เสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมใดๆ (ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีบางประเภท)
  • คิดดอกเบี้ยตามจริง: ระบบจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเฉพาะยอดเงินที่เบิกถอนและคิดเป็นรายวัน ทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดการหนี้
  • ทางเลือกยามฉุกเฉิน: เป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อต้องการเงินด่วนและไม่สามารถใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าได้โดยตรง
อัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด

เจาะลึกข้อแตกต่างสำคัญที่ต้องรู้

การจะเลือกว่าระหว่างบัตรเครดิต กับ บัตรกดเงินสด อะไรคือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณนั้น การทำความเข้าใจในรายละเอียดเชิงลึกของทั้งสองผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ลักษณะการใช้งาน

  • บัตรเครดิต: ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้จ่ายแทนเงินสดเป็นหลัก (Card-Swiping) เน้นการรูดซื้อสินค้าและบริการ ทั้งแบบเต็มจำนวนและการผ่อนชำระ แม้จะสามารถใช้กดเงินสดได้ แต่จะมีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า (Cash Advance Fee) ประมาณ 3% ของยอดที่กด และจะเริ่มคิดดอกเบี้ยทันทีที่กดเงินออกมา
  • บัตรกดเงินสด: มีเป้าหมายหลักเพื่อการ “เบิกถอนเงินสด” จากตู้ ATM โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอน แต่จะถูกคิดดอกเบี้ยทันทีนับตั้งแต่วันที่กดเงินออกมา บัตรประเภทนี้ไม่สามารถนำไปรูดเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการได้โดยตรง

อัตราดอกเบี้ยและวิธีการคิด

  • บัตรเครดิต: หากชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนด จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย แต่หากชำระขั้นต่ำหรือบางส่วน ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณย้อนหลังตั้งแต่วันที่ร้านค้าเรียกเก็บเงิน (Posting Date) ไม่ใช่วันที่รูดซื้อ โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามกฎหมายกำหนด
  • บัตรกดเงินสด: ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยจะเริ่มคำนวณทันทีตั้งแต่วันแรกที่เบิกถอนเงินสดออกมา และคำนวณเป็นรายวันตามยอดเงินต้นคงค้าง (ลดต้นลดดอก) จนกว่าจะชำระคืนครบถ้วน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดมักจะสูงกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตเล็กน้อย แต่ก็เป็นทางเลือกที่โปร่งใสสำหรับคนที่ต้องการเงินสดโดยเฉพาะ

ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง

  • บัตรเครดิต: อาจมีค่าธรรมเนียมรายปี (ซึ่งมักจะได้รับการยกเว้นเมื่อใช้จ่ายถึงยอดที่กำหนด), ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า 3%, และค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้า
  • บัตรกดเงินสด: ส่วนใหญ่ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสด แต่จะมีค่าอากรแสตมป์ที่เรียกเก็บครั้งแรก และค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าเช่นกัน บางสถาบันการเงินอาจมีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ก็มักจะได้รับการยกเว้นได้ง่าย

ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย

จุดนี้คือข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดจุดหนึ่ง

  • บัตรเครดิต: มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (Grace Period) โดยเฉลี่ย 45-55 วัน เป็นโอกาสให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้เงินในอนาคตได้โดยไม่มีต้นทุนทางการเงิน หากบริหารจัดการได้ดีและชำระคืนเต็มจำนวน
  • บัตรกดเงินสด: ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยโดยสิ้นเชิง การคิดดอกเบี้ยจะเริ่มต้น ณ วินาทีที่คุณกดเงินออกจากตู้ ATM

โปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์

  • บัตรเครดิต: โดดเด่นเรื่องโปรโมชั่นที่หลากหลายและครอบคลุมไลฟ์สไตล์ต่างๆ เช่น คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัลหรือตั๋วเครื่องบิน, เครดิตเงินคืน, ส่วนลดจากร้านอาหาร โรงแรม และร้านค้าชั้นนำ, บริการผู้ช่วยส่วนตัว, และประกันอุบัติเหตุการเดินทาง
  • บัตรกดเงินสด: สิทธิประโยชน์มักไม่หวือหวาเท่าบัตรเครดิต จะเน้นไปที่โปรโมชั่นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดเป็นพิเศษ เช่น ดอกเบี้ย 0% ในรอบบิลแรกๆ หรืออัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ เพื่อจูงใจให้ผู้ที่ต้องการเงินสดเลือกใช้บริการ

สรุปข้อดี-ข้อเสีย ของบัตรแต่ละประเภท

บัตรเครดิต

  • ข้อดี: สะดวกในการใช้จ่าย, มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย, โปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์หลากหลาย, ผ่อนชำระสินค้า 0% ได้
  • ข้อเสีย: หากชำระไม่เต็มจำนวนดอกเบี้ยจะสูง, มีค่าธรรมเนียมกดเงินสด 3% และดอกเบี้ยเริ่มคิดทันที, เงื่อนไขการสมัครเข้มงวดกว่า

บัตรกดเงินสด

  • ข้อดี: เบิกเงินสดได้ทันที 24 ชม., สมัครง่ายและอนุมัติเร็วกว่า, ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอน, ไม่ใช้ไม่เสียดอกเบี้ย
  • ข้อเสีย: ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (ดอกเบี้ยเริ่มเดินทันที), อัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด โดยรวมอาจสูงกว่า, ไม่มีสิทธิประโยชน์ด้านการช้อปปิ้ง

เลือกบัตรแบบไหนให้เหมาะกับเรา?

การตัดสินใจเลือกระหว่างบัตรเครดิต กับ บัตรกดเงินสด ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เงินและวัตถุประสงค์เป็นสำคัญ หากคุณเป็นคนที่มีวินัยทางการเงินสูง สามารถชำระหนี้ได้เต็มจำนวนทุกเดือน มีไลฟ์สไตล์ที่เน้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเพื่อรับสิทธิประโยชน์ เช่น ส่วนลดร้านอาหาร สะสมคะแนน หรือผ่อนสินค้า บัตรเครดิตคือคำตอบที่ใช่ เพราะจะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มค่าสูงสุดจากการใช้จ่าย และระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารเงินในแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดี

ในทางกลับกัน หากคุณเป็นผู้ที่ต้องการ “วงเงินสำรองฉุกเฉิน” ไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ต้องใช้เงินสดอย่างเร่งด่วน บัตรกดเงินสดคือเครื่องมือที่ตอบโจทย์กว่า เพราะถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ในสถานการณ์ที่คุณต้องการเงินด่วน ณและอาจกำลังพิจารณาทางเลือกอื่นอย่าง เงินด่วนนอกระบบโอนเข้าบัญชี บัตรกดเงินสดถือเป็นทางออกในระบบที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือกว่ามาก หรือในยามจำเป็นที่ต้องใช้เอกสารเพียงบัตรประชาชนใบเดียวยืมเงินฉุกเฉิน บัตรกดเงินสดที่อนุมัติง่ายและรวดเร็วก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพียงแต่ต้องตระหนักเสมอว่าดอกเบี้ยจะเริ่มคิดทันทีที่กดเงินออกมาใช้

อัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด

สรุปบทความ

โดยสรุปแล้ว ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าระหว่างบัตรเครดิต กับ บัตรกดเงินสด แบบไหนดีกว่ากัน เพราะบัตรทั้งสองประเภทถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน บัตรเครดิตเหมาะสำหรับนักช้อปที่ต้องการความสะดวกและสิทธิประโยชน์ ขณะที่บัตรกดเงินสดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสดสำรองยามฉุกเฉิน สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินความต้องการและวินัยทางการเงินของตนเอง พร้อมทำความเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด เพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและไม่สร้างภาระหนี้สินเกินตัวในอนาคต

สำหรับท่านที่สนใจบริการรูดบัตรเครดิตเป็นเงินสด สามารถติดต่อได้ที่:LINE ID: @XFASTCASH

บทความที่เกี่ยวข้อง
ยืมเงิน 3000-5000 ด่วน ถูกกฎหมาย อนุมัติไว ต้องทำยังไง
อ่านต่อ
สินเชื่อออนไลน์ไม่เช็คบูโร กู้ได้ไม่ต้องห่วงประวัติเสีย
อ่านต่อ
เช็คเครดิตบูโรด้วยตัวเองง่าย ๆ ทำเองได้ ไม่ยุ่งยาก
อ่านต่อ